รีวิวโดยคุณลุงนัท (Nuttanick Premboon) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเครื่องเสียง
Audiosense...ผมเอามาเบิร์นทิ้งไว้สักพักแล้ว ค่อยปรับแต่ง...แต่ผมวางแผนไว้ว่าต้องเป็นการเบิร์นที่ไม่ยากเพราะตอนที่ผมฟังครั้งแรกตอนแกะกล่อง ผมถือว่าเป็นหูฟังที่พื้นฐานค่อนข้างดีอยู่แล้ว เลยเบิร์นแบบพื้นฐานแล้วดูสิว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง...ก็ไม่ทำให้ผิดหวังนะครับ ผมถือว่าทำได้ดีทั้งคู่
1.Audiosense รุ่น V2-DDS4 ตัวนี้ใช้ไดร์เวอร์แบบไดนามิคจำนวนสองไดร์เวอร์ให้ทำงานขับเสียงต่ำและเสียงกลางแหลมอย่างละตัว...
2.Audiosense รุ่น V2-MIX4 รุ่นนี้ประกอบด้วยไดร์เวอร์จำนวนสองไดร์เวอร์ เลือกใช้แบบ Dynamic Driver ในการขับย่านเสียงเบสและใช้แบบ Balance Armature ในการขับย่านกลางแหลม...
ผมขอเริ่มไปทีละตัวนะครับเริ่มที่ Audiosense รุ่น V2-DDS4 ขอเอามารีวิวก่อนทั้งๆที่ผมคิดว่าผมยังเบิร์นไม่ครบทั้งคู่ขาดแค่การปรับแต่งแบบซีเรียสเท่านั้น...ผมน่าจะเบิร์นไปได้ประมาณ 150-200 ชั่วโมงแค่ปูพื้นฐานที่ดีเท่านั้น ไอ้เรื่อง Fine Tuning นั้น...ผมไม่มีเวลาจริงๆครับ หูฟังที่อยู่รอบตัวที่ต้องทำต้องเบิร์นและปรับสภาพให้สดเสมอเกือบสามสิบตัวตลอดเวลา...ไม่รวมที่ซื้อใหม่เรื่อยๆ เลยทำตัวนี้แค่ขั้นพื้นฐาน ไม่ได้ปรับอะไรแบบซีเรียสมากนัก...แต่รับประกันว่าแค่พื้นฐานก็เหลือเฟือ ของมันพร้อมแค่ปรับนิดหน่อยก็ตามใจแล้วครับ
อย่างแรก...ที่ผมได้ฟังตั้งแต่แกะกล่องแล้วยอมเอามารีวิวให้ก็เพราะมันน่าสนใจ เสียงถ้าไม่ถูกใจตั้งแต่แรกผมไม่เอาหรอกครับมันเสียเวลา แรกๆจะเสียดหูเล็กน้อยแต่คนชำนาญแล้วจะรู้ว่าปรับได้ เพราะมันเป็นหูฟังที่เน้นรายละเอียดแบบหยุมหยิม และในราคาเท่านี้มันก็มีจุดแข็งที่ใครๆก็ต้องฉุดคิด...มันทำได้ไงนะ ถ้าคุณเห็นกล่องและอุปกรณ์ส่วนควบที่ให้มาคุณจะยิ่งงงเข้าไปใหญ่ แต่ผมไม่ได้เอากลับมาครับ...กล่องเกี่ยวกับอุปกรณ์เครื่องเสียงผมเต็มบ้านแล้วเกินกว่าจะเอาเข้าได้อีกแล้ว...555 มันเกินราคาไปมาก เรียกว่าฉีกกฏเกณฑ์หูฟังราคาถูกไปเลยครับ อลังการสุดๆ
Audiosense รุ่น V2-DDS4...ผมใช้จับคู่กับ FIIO X1 MODDED + SHOZY PX M1 + สายไฮบริดเงินบวกทองคำหัวเวียบลู อย่าหาว่าผมใช้ระบบเกินไปกับหูฟังราคาเท่านี้เลยครับ ก็คุณอยากอ่านรีวิวที่พูดกันตรงๆว่าเป็นไงไม่ใช่เหรอครับ ผมก็ต้องใช้อะไรที่มันเป็น Reference ของผมบ้างและที่สำคัญมันจะได้ไม่มีอะไรที่รอดพ้นไปจากการจับผิดของผมได้ไงครับ...
นับว่าเจ้า Audiosense รุ่น V2-DDS4..มันทำพรีเซนเตชั่นได้สวยงามเกินความคาดหมายเลยครับ แล้วก็กะไม่ผิดมันเป็นหูฟังเน้นรายละเอียดเรียกว่ามันทำรายละเอียดได้ดีเอามากๆซะด้วยซ้ำ...เหมือนเดิมผมต้องเริ่มที่หาคู่แมทช์ชิ่งจุกหูฟังครับ....ชอบเสียงกลางๆใช้ SPIN FIT ถ้าชอบรายละเอียดชัดสุดๆใช้จุก RHA ที่เบสลงลึกกว่าแรงปะทะดีกว่าแต่เวทีไม่กว้างเท่าจุก SPIN FIT จุกเดิมๆความลึกจากปาก NOZZLE ถึงปากของจุกหูฟังมีไม่พอ เวทีจะแคบมาก Channel Separation จะต่ำกว่าจุกที่ผมบอก ยอมกัดฟันเปลี่ยนเถอะครับ ถึงแม้ราคาจุกจะแพงแต่คุ้มค่าครับ พอคุณจัดการเรื่องจุกและเบิร์นพื้นฐานเสร็จเรียบร้อย คุณจะได้หูฟังที่คุ้มค่าหนึ่งตัวผมการันตี... ไม่มีปัญหาเรื่องประกายเสียงแหลมที่ไปไม่ได้ไกลเหมือนหูฟังที่ผมเคยรีวิวไว้ หูฟังที่มีหลายๆสีแบบคล้องหลังหูถอดสายได้ที่ราคาประมาณพันกว่าบาทอีกด้วย ถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว...มันเหมือนเหรียญคนละด้าน ต้องขอโทษเพราะมันเป็นเรื่องจริง พอผมไม่อยากบอก คุณก็มาบีบคอให้ผมบอก...พอผมบอกผมก็โดนคนขายเขม่น ซวยทั้งขึ้นทั้งล่องมานานแล้วตัวผมนี่แหละ Audiosense รุ่น V2-DDS4...มีรายละเอียดที่เหนือกว่ามาก เบสสะอาดกว่าด้วยไม่มีขึ้นมากวนเสียงกลางเลย...เสียงเบสมีแรงปะทะนะ การลงลึกมากขึ้นของเบสขึ้นอยู่กับจุกที่ใช้แล้วครับแต่อย่าลืมเรื่องความลึกของจุกที่ควรมีจากปลายปาก NOZZLE ของบอดี้หูฟังถึงปากของจุกหูฟังควรมีระยะตั้งแต่ 3.8 mm-4.3 mm ปรับขนาดความพอดีกันเอาเองครับ เสียงกลางไม่บางเกินไปแต่บอดี้ของเสียงกลางอาจจะไม่หนามากนักเนื่องจากเป็นหูฟังที่รักษาความรวดเร็วได้ดี ฟังเพลงได้ทุกแนว ปลายเสียงแหลมไปได้ไกลๆเลยครับ แรกๆที่เราเบิร์นเพื่อดึงประกายเสียงแหลมอาจจะบาดหูเล็กน้อย...น้อยมากๆไม่ต้องห่วง ต้องยอมทนเอาครับไม่นานหรอกครับก็หายไป แล้วเดี๋ยวดีเองทำต่อไปเรื่อยๆ เพิ่มความถี่ต่ำขึ้นมาทีหลัง อย่ารีบนะครับ มันจะสมดุลไปเอง...เวทีทางด้านกว้างดีเอามากๆ เรื่องเวทีทางด้านความลึกยังต้องรอการเบิร์นเพิ่มอีกหน่อยนักร้องเดินหน้าเล็กน้อย แต่คาดว่าคงเปลี่ยนแปลงได้อีกไม่มากแต่ก็คงเปลี่ยนได้เยอะเรื่องความต่อเนื่องของชิ้นดนตรีในแต่ละชิ้นในเวทีเสียง แต่ถือว่าทำได้ดีแล้วแต่อาจจะไม่โดดเด่นเท่ากับทางด้านกว้าง...แต่ในเรื่องรายละเอียดมันเป็นหูฟังที่มาได้เด่นเอามากๆครับเมื่อเปรียบเทียบกับราคา
Audiosense รุ่น V2-MIX4...ระบบ FIIO X3 MODDED + FIIO E12A Modded + สายไฮบริดเงินกับทองคำ...ว้าววววว...ต้องบอกอย่างนี้ เดี๋ยวนี้หูฟังราคาถูกน่ากลัวมาก มันสามารถก้าวข้ามมายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้อย่างไร...อย่างน้อยมันก็สามารถรับกับเพลงท่ายากที่ผมเลือกสรรป้อนเข้าไปแกล้งมันได้อย่างไม่เคอะเขิน...ผมกล้าพูดว่าผมใช้เพลงท่ายากเลยเชียวหรือ ใช่เลย!!!!...ผมใช้เพลงที่ผมทำเพลย์ลิสต์ที่จะไปใช้ในการอบรมการฟังช่วงแอดแวนซ์สำหรับบุคคลากรในองค์กรหนึ่งที่ผมเข้าไปช่วยอบรมเรื่องการฟังเพื่อให้เข้าใจในการอธิบายสินค้าเกี่ยวกับเครื่องเสียงไฮเอ็นด์ได้ดียิ่งขึ้นเป็นโปรเจคที่ผมทำเอาสนุกๆ แต่มันเริ่มไม่สนุกตรงที่ว่า...พอกลับไปเป็นอาจารย์...และหัวโขนที่ผมสละทิ้งมานานแล้ว และที่ผมไม่อยากเป็นและหลีกเลี่ยงมาหลายปี พอกลับไปทำมันก็อดไม่ได้....ที่จะใส่ใจและพยายามปั้นบุคคลากรเหล่านั้นให้มีศักยภาพตามที่ผมคาดหวังไว้ งานช้างเลยนะ ทำการบ้านหนักมากๆ ทั้งปรับเปลี่ยนระบบการเข้าใจเกี่ยวกับเสียง สอนการวางระบบ การแมทช์ชิ่งอุปกรณ์ และสอนการฟังเพื่อความเป็นดนตรีที่ดี และฟังเป็นแบบความถี่ รวมไปถึงการเซ็ทอัพ เยอะ.....บอกเลย!!!!!!...
ที่กล่าวมาให้ฟังไม่ใช่อะไร Audiosense รุ่น V2-MIX4...มันสอบผ่านกฏเกณฑ์พื้นฐานที่ผมวางไว้ได้ ทั้งๆที่ราคามันเท่านี้...รายละเอียดที่ว่าดีแล้วในรุ่น Audiosense รุ่น V2-DDS4...มันยังไปได้อีก และไปได้ไกลกว่าเยอะอีกด้วย ถึงแม้คนที่ชำนาญมากๆแล้วจะจับได้ถึงรอยต่อระหว่างไดนามิคไดร์เวอร์กับบาล๊านซ์อเมเจอร์...แต่เพียงนิดเดียวเท่านั้นถ้าคุณไม่ชำนาญจริงๆคุณบอกไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเป็นที่ความถี่ที่ช่วงไหน
ว้าววววววววว...วอ. แหวน. ล้านตัว ราคามันพันกว่าๆจริงๆนะ ใช่เย้ออออ.. สมควรเอาไปให้...อีเจี๊ยบไปแจกลูกเพจ คือมันดีงาม มันปังงงง!!!!!... เหมือนผู้หญิงแต่งหน้า Before And After ก่อนเบิร์นและหลังเบิร์นมันแตกต่างมากๆ มันทอดถอน มันออดอ้อน มันกราดเกรี้ยว มันดิบได้มันเถื่อนได้ และมันมีเบสที่ลงลึกครับท่านผู้ชม...แรงปะทะที่ดีก็ไม่ด้อย ดีเทลที่มีให้ก็ไม่น้อยหน้าใครทั้งนั้นในราคานี้รูปแบบอินเอียแบบนี้ บราโว่...เฉยทำไมละครับ ปรบมือซิครับ.
มือถือมันขับได้นะครับ...ขนาดผมเอามือถือที่เป็นโรคขาดสารอาหารอย่าง Note 2 ที่เรี่ยวแรงน้อยอย่างกับคนติดยา มันก็ขับได้แต่ไม่ได้บอกว่าดีมากนะแค่พอกล้อมแกล้มได้อย่างสวยงามพอใช้...มันยังต้องการกำลังที่ดีพอเพื่อแสดงประสิทธิภาพที่สุดตัวของมัน ผลักดันให้มันไปจนสุดขอบเถอะครับ...แล้วมันจะให้ผลลัพท์ที่คุณต้องพอใจ...
หูฟัง Audiosence ทั้งสองรุ่น V2-DDS4 และ V2-MIX4...เป็นอะไรที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก ไม่ต้องลงทุนเยอะเพื่อจ่าย แต่ใส่ใจในการปั้นมันให้ไปได้ไกลให้มากที่สุด ตั้งใจเบิร์นมันให้ดี เบสมันไม่เหมาะจะออกแนวอกกระเด้งเท่าไหร่นัก...แต่ความจริงมันเจ็บปวดดดด...ไม่มีหรอกครับโลกที่ดีพร้อมตามใจคุณตลอดเวลา แค่ที่หูฟังทั้งสองตัวนี้ทำได้มันก็ทำให้หลายๆคนที่ขายสินค้าในระดับราคาเดียวกันต้องปรับเปลี่ยนกระบวนท่าแล้ว....
ปอ.ลอ. อย่าถามผมว่าราคาเท่าไหร่ ผมรู้ว่าแค่ราคาประมาณพันนิดๆ ขายที่ไหนบ้างผมก็ไม่รู้ หากันเอาเองครับ ใครขายบ้างผมก็ไม่ทราบ ใครจะเอารีวิวผมไปใช้ก็ตามสบายครับ...
....รู้ใช่ไหม ผมทำเพื่อพวกคุณ ไม่มีใครเป็นห่วงคุณในการวางแผนการเสียตังค์ในวงการหูฟังอย่างยั่งยืนแต่ไม่หลงทาง...เหมือนที่ผมทำ......โทษๆๆๆๆๆๆๆๆ ผี...อีเจี๊ยบ!!!!!... เข้าสิง ผมลืมตัวไปหน่อย ผมไม่ได้รักคุณวินาทีที่แล้วน้อยกว่า...สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะผมรักพวกคุณทุกเวลา...ถรุ๊ยส์ส์ส์ส์ส์ส์...ผมไม่ได้ทำ CHIVAS ฉลากฟ้ามันทำ...จำเลยรอดตัวเพราะหลักฐานไม่ชัดเจน...
รีวิวโดยคุณโจ๊ก ผู้คว่ำหวอดในวงการหูฟัง
Audiosense หูฟังค่ายน้องใหม่จากแดนมังกร เป็นหูฟังประเภท In-Ear ทีมีรูปทรงหน้าตาดูโดดเด่น สวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มาพร้อมสเปคที่จัดเต็ม อัดแน่นด้วยคุณภาพ โดยการผสมผสานกันระหว่างไดร์เวอร์สองประเภท Dynamic Driver+Balance Armature (BA) ได้อย่างลงตัว ซึ่งเรียกว่า Technology Hybrid Driver นั้นเองครับ
1.Audiosense รุ่น V2-DDS4 ตัวนี้จะเลือกใช้ไดร์เวอร์แบบไดนามิคจำนวนสองไดร์เวอร์ทำหน้าที่ขับย่านเสียงเบสแยกโดยเฉพาะ และอีกตัวจะทำหน้าที่ขับย่านกลางแหลม
แนวเสียง ให้เสียงเบสพอประมาณ ไม่เน้นตูมตาม แต่ค่อนข้างแน่นกระชับ เก็บตัวได้เร็วพอสมควร ย่านเสียงกลางเสียงร้องเปิด สด เคลียร์ ซาวด์สเตจไม่กว้างไม่แคบจนเกินไป หัวโน๊ตดนตรีชัดเจน ปลายแหลมมีประกายรายละเอียดครบ
2.Audiosense รุ่น V2-MIX4 รุ่นนี้ประกอบด้วยไดร์เวอร์จำนวนสองไดร์เวอร์ เลือกใช้แบบ Dynamic Driver ในการขับย่านเสียงเบสและใช้แบบ Balance Armature ในการขับย่านกลางแหลม
ด้านแนวเสียงตัวนี้ เบสพอประมาณ ไม่มากล้นจนเกินไป แต่จะต่างจากรุ่น V2-DDS4 ตรงที่จะปรับจูนเสียงกลางเสียงร้องหนาขึ้น ให้มีความโดดเด่นขึ้น เป็นธรรมชาติกว่า พุ่งขยับมาด้านหน้าหน่อย มีมิติด้านลึก ส่วนรายละเอียดต่างๆก็ยังคงครันเช่นเดิม
มีให้เลือกด้วยกันสองแบบ แบบธรรมดาไม่มีไมค์และมีไมค์ สามารถรองรับการใช้งานกับเครื่องเล่น หรือโทรศัพท์ได้ทั้งระบบ iOS และ Android
Audiosense รุ่น V2-DDS4
-แบบธรรมดา ไม่มีไมค์ ราคา 990 บาท
-แบบมีไมค์ ราคา 1,090 บาท
Audiosense รุ่น V2-MIX4
-แบบธรรมดา ไม่มีไมค์ ราคา 1,490 บาท
-แบบมีไมค์ ราคา 1,590 บาท